เมื่ออายุเพิ่มขึ้นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนค่อยๆ ลดลงไป ไม่เว้นแม้แต่เพศชายที่ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ต่างจากผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน โดยเฉพาะความผิดปกติของต่อมลูกหมาก ผู้ชายไทยเป็นกันมาก อันดับ 1 ที่พบคือโรคต่อมลูกหมากมากถึง 80% รองลงมาคือโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก 18% และโรคต่อมลูกหมากอักเสบอีก 2% ดังนั้นการสังเกตความผิดปกติและรีบเข้ารับการรักษาโดยเร็วจะช่วยให้อาการไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น
รู้จักโรคต่อมลูกหมากโต
โรคต่อมลูกหมากโต หรือ BPH (Benign Prostate Hyperplasia) คือภาวะที่ต่อมลูกหมากที่อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะล้อมรอบท่อปัสสาวะมีขนาดใหญ่ผิดปกติจนไปบีบท่อปัสสาวะให้แคบลง พบในผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป และโดยเฉพาะในผู้ชายสูงวัยอายุ 80 ปีขึ้นไปพบมากถึง 80%


อาการบอกโรค สามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
1. ปัสสาวะขัด
2. ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะตอนกลางคืน
3. กลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือต้องเบ่งปัสสาวะจนกว่าจะออก
4. ปัสสาวะไม่พุ่ง สะดุดเป็นช่วงๆ มีปัสสาวะหยดเมื่อใกล้จะสุด ปัสสาวะไม่สุด
5. ปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลัน
6. ปวดปัสสาวะรุนแรงมาก
7. ปัสสาวะปนเลือด


วิธีตรวจวินิจฉัย การตรวจวินิจฉัยต่อมลูกหมากโตใช้วิธีการ ดังนี้
1. ซักประวัติเพื่อตรวจสอบอาการ
2. ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจวัดความแรงของสายปัสสาวะ
3. อัลตราซาวนด์ขนาดต่อมลูกหมากที่เปลี่ยนแปลง
4. ตรวจคลำต่อมลูกหมากผ่านทางท่อทวารหนัก “ดีอาร์อี” (Digital Rectal Examination) เพื่อดูความผิดปกติ
ข้อบ่งชี้ในการรักษาต่อมลูกหมากโต คือ
- มีภาวะแทรกซ้อนจากต่อมลูกหมากโตเกิดขึ้นแล้ว
- ปัสสาวะเองไม่ได้เนื่องจากต่อมลูกหมากโต
- ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ไตวาย
ทั้ง 4 กรณีนี้เป็นข้อบ่งชี้ที่จำเป็นต้องให้การรักษาอย่างแน่นอน และมักจะต้องรักษาโดยการผ่าตัดเป็นหลัก
- เพื่อลดอาการ และเพิ่มคุณภาพชีวิต
- ไม่ต้องเบ่งปัสสาวะมาก
- ไม่ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำกลางคืนบ่อยๆ
- ลดอาการปัสสาวะราดหรือต้องรีบไปห้องน้ำ
- ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากต่อมลูกหมากโตในอนาคต
# การรักษาโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คืออะไร?
เป็นการปรับเปลี่ยนกิจกรรมบางอย่าง เพื่อให้อาการทางระบบปัสสาวะลดน้อยลง
- ลดการดื่มชากาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าเครื่องดื่มจำพวกชากาแฟจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะจึงทำให้ปัสสาวะบ่อย ส่วนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายสร้างนำ้ปัสสาวะมากขึ้นจึงมีผลให้ปัสสาวะบ่อยเช่นกัน
- ปัสสาวะก่อนเข้านอนทุกคืน เพื่อลดปริมาณน้ำปัสสาวะที่ค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้ไม่ต้องตื่นมาปัสสาวะกลางดึก
- กำหนดเวลาปัสสาวะในช่วงกลางวันทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะทำงานได้ตามปกติ
- ระวังท้องผูก เนื่องจากการที่ท้องผูกเป็นเวลาหลายวันมีผลให้ปัสสาวะลำบากมากขึ้นได้
***********************
ปรึกษาด่วน คลิก


# การรักษาด้วยยา ประกอบด้วยยา 4 ประเภท คือ
1. ยาคลายกล้ามเนื้อเรียบในต่อมลูกหมาก
- ออกฤทธิ์ได้เร็ว มักเลือกใช้เป็นยาตัวแรก
- ผลข้างเคียง : มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตด้วย อาจทำให้หน้ามืด เวียนศีรษะ
- ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น alfuzosin (Xatral), doxazosin (Cardura, Pencor), Tamsulosin (Harnal)
2. ยาลดขนาดต่อมลูกหมาก
- ยับยั้งการเจริญของต่อมลูกหมาก
- ใช้เวลา 3-6 เดือนจึงเริ่มเห็นผล
- ผลข้างเคียง : อาจทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง การหลั่งน้ำอสุจิผิดปกติ
- ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น dutasteride (Avodart), finasteride (Proscar, Firide)
3. ยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ
- ต่อมลูกหมากโต --> กระเพาะปัสสาวะต้องทำงานหนักขึ้น และอาจมีการบีบตัวไวกว่าปกติ
- อาการที่พบคือ ปัสสาวะบ่อย ต้องรีบ เล็ดราด การให้ยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะจะลดอาการเหล่านี้ได้
- นิยมใช้เป็นยาเสริมจากยาสองกลุ่มข้างต้นมากกว่า
- ผลข้างเคียงของยา : ปากแห้งคอแห้ง ท้องผูก
- ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น trospium (Spasmo-lyt), solifenacin (Vesicare), Oxybutinin (Diutropan)
4. ยาสมุนไพร มีจำหน่ายมากมายทั้งในรูปของยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณ
# การรักษาโดยการผ่าตัด
1. การผ่าตัดต่อมลูกหมากแบบเปิดหน้าท้อง
2. การส่องกล้องคว้านเนื้อต่อมลูกหมาก (TUR-P : transurethral resection of prostate)
3. การผ่าตัดต่อมลูกหมากด้วยเลเซอร์
4. การใส่ขดลวดถ่างต่อมลูกหมาก (prostatic stent)
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล
สารสกัดจากทับทิม (Pomegranate Extract) 100 มก.
สารสกัดจากโสม (Ginseng Extract) 90 มก.
สารสกัดจากกระชายดำ (Black Galingale Extract) 80 มก.
ไลโคปีน 10% (Lycopene 10%) 60 มก.
ผงฟักทอง (Pumpkin Powder) 50 มก.
ผงปวยเล้ง (Spinach Powder) 50 มก.
สารสกัดจากถั่งเช่า (Cordyceps Sinensis Extract) 49.7 มก.
ซิงค์อะมิโนแอซิดคีเลต 20% (Zinc Amino Acid Chelate 20%) 15 มก.
ไนอะซินาไมด์ (Niacinaminde) 8 มก.
ไทอะมีน โมโนไนเตรต (Thiamine Mononitrate) 1 มก.
ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) 0.3 มก.
ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 แคปซูล รวม 30 แคปซูล
เลขสารบบ อย. : 10-1-15456-5-0008
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ด ก่อนนอน
ดีโพส (D-Pos) อาหารเสริมบำรุงต่อมลูกหมาก
ดี-โพส D-POS เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารสีแดงที่มาจากมะเขือเทศจะทำหน้าที่ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์และจากการศึกษาของ Giovannucci E และคณะในปี 2002 เกี่ยวกับสาร ไลโคปีน และความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากพบว่า ไลโคปีนสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้จริง นอกจากงานวิจัยชิ้นนี้แล้วก็ยังมีงายวิจัยอีกหลายๆชิ้นที่ให้ผลคล้ายคลึงกันที่ว่าสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ และยังมีสารสกัด Pomegranate Extract สารสกัดจากทับทิม ที่มีงานวิจัยที่พบว่าช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก ในผลิตภัณฑ์ยังประกอบด้วยซิงค์ออกไซด์ที่เป็นส่วนสำคัญช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแก้โรคต่อมลูกหมากโต และช่วยในการทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์ให้ทำงานอย่างเต็มที่ และยังช่วยในการเสริมสร้าง บำรุงสมรรถภาพในเพศชาย ให้มีพลังและตื่นตัว และมีสมรรถภาพที่ดีขึ้น
